GREEN &
CLIMATE TECHNOLOGY
สร้างความยั่งยืนด้วยผืนป่า รักษาโลกอันมีค่าให้คงอยู่
GREEN &
CLIMATE TECHNOLOGY
เป็นเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ได้แนวคิดจากการนำองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี ที่ส่งผลดีต่อองค์กรและสิ่งแวดล้อม และนับเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดหาแหล่งพลังงานทางเลือก การลดของเสีย การจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากเทคโนโลยีสมัยใหม่รวมถึงคาร์บอนเครดิต ที่ได้รับความสนใจจากนานาประเทศ เพราะสภาวะมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสภาพกูมิอากาศ กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในระดับโลก
GREEN &
CLIMATE TECHNOLOGY
เป็นเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ได้แนวคิดจากการนำองค์ความรู้ในด้านต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี ที่ส่งผลดีต่อองค์กรและสิ่งแวดล้อม และนับเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดหาแหล่งพลังงานทางเลือก การลดของเสีย การจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงคาร์บอนเครดิต ที่ได้รับความสนใจจากนานาประเทศ เพราะสภาวะมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในระดับโลก
MANGROVES TOWARDS NET ZERO
สร้างความยั่งยืนด้วยผืนป่า รักษาโลกอันมีค่าให้คงอยู่
ในปี พ.ศ. 2565 ทางดิทโต้ ได้ทำการขยายธุรกิจไปยังโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green & Climate Technology) และคาร์บอนเครดิต
บริษัท สยาม ทีชี เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของดิทโต้ ได้เข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้เป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มแหล่งกักเก็บคาร์บอนของประเทศไทย มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปีค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ใน ปี ค.ศ. 2065
ตามเจตจำนงที่ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการประชุม COP26 และมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจส่งออกที่ส่งสินค้าไปยังตลาดยุโรป และอเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีคาร์บอนกับประเทศคู่ค้าที่ส่งสินค้าเข้าไป ซึ่งในปัจจุบัน เรายังคงมุ่งมั่นต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือการเข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อการมีส่วนร่วมที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่ที่ได้รับสิทธิ์นั้น ถือเป็นการได้มาซึ่งสิทธิในการปลูกป่า และดูแลรักษาป่าชายเลนให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 30 ปี
โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระยะเวลา 30 ปี มี 2 โครงการ คือ
1. โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต (สำหรับบุคคลภายนอก) มีการดำเนินงานเรื่องการปลูก และดูแลบำรุงรักษาพื้นที่เสื่อมโทรม ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์และหลากหลายทางชีวภาพ โดยมี 4 ประเภทพื้นที่ คือ พื้นที่ปลูกเสริมและปรับปรุงสภาพป่าชายเลน, พื้นที่ผ่านการรื้อถอน (พื้นที่พร้อมปลูก), พื้นที่ผ่านการทำนากุ้ง และพื้นที่เลนงอก โดยมีการว่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนเกิดรายได้ ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกและดูแลรักษาป่าชายเลนในพื้นที่ของโครงการฯ
2. โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต (สำหรับชุมชน) มีการดำเนินงานเรื่องการปลูก และดูแลบำรุงรักษาพื้นที่ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนชายฝั่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนชายเลนกับทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในแต่ละพื้นที่ โดยมีการบูรณาการ การดำเนินงานร่วมกัน และทางสยาม ทีซี มีแผนส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ เช่น ส่งเสริมด้านสินค้าหัตถกรรม อาชีพ ของคนในชุมชน
บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด ได้เข้าร่วมภาคีเครือข่าย TMA (Thailand Mangrove Alliance) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ
1. บูรณาการความร่วมมือ เป็นเวทีกลางที่รวบรวมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรต่าง ๆ ที่สนใจร่วมมือกันในด้านป่าชายเลน
2. ฟื้นฟูระบบนิเวศ มุ่งเน้นการฟื้นฟูป่าชายเลนอย่างบูรณาการ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม โดยมีแนวทางการขับเคลื่อน (Roadmap) คือ การอนุรักษ์และฟื้นฟู,การวิจัย นวัตกรรม และการนำไปใช้ประโยชน์การให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของชุมชน, การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และการพัฒนากลไกทางการเงินและกฎหมาย
DITTO
Climate Action Leading Organization: CALO
บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้เข้าร่วมเป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization: CALO) ของเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) และได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับองค์กรขึ้น โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2565 ทั้งหมดมาคำนวณเพื่อให้เป็นปีฐานในการเปรียบเทียบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับปีต่อ ๆ ไป
โดยปัจจุบัน บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้ผ่านการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO) แล้ว โดยการรับรองจากคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทยในการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ครั้งที่ 2/2566 พร้อมส่งเสริมให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ
DITTO
Climate Action Leading Organization
บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้เข้าร่วมเป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization: CALO) ของเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) และได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับองค์กรขึ้น โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2565 ทั้งหมดมาคำนวณเพื่อให้เป็นปีฐานในการเปรียบเทียบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับปีต่อ ๆ ไป
โดยปัจจุบัน บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้ผ่านการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO) แล้ว โดยการรับรองจากคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ครั้งที่ 2/2566 พร้อมส่งเสริมให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ
DITTO
Climate Action Leading Organization
บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้เข้าร่วมเป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization: CALO) ของเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) และได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับองค์กรขึ้น โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2565 ทั้งหมดมาคำนวณเพื่อให้เป็นปีฐานในการเปรียบเทียบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับปีต่อ ๆ ไป
โดยปัจจุบัน บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้ผ่านการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO) แล้ว โดยการรับรองจากคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ครั้งที่ 2/2566 พร้อมส่งเสริมให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ


