Agentic AI คืออะไร? เทคโนโลยี AI ที่คิด-ตัดสินใจ-ลงมือทำได้เอง

  • กันยายน 12, 2025

News Description

Agentic-AI คือ

 

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังก้าวไปสู่จุดที่ไม่เคยมีมาก่อน จากเดิมที่ทำได้เพียงตอบคำถามหรือทำงานตามคำสั่งที่ชัดเจน ตอนนี้เรากำลังจะได้พบกับ Agentic AI ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ เวอร์ชันอัปเกรดที่สามารถคิดวิเคราะห์ วางแผนและลงมือทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ เปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยดิจิทัลที่ทำงานได้อย่างอิสระเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เรากำหนดไว้  

 

ทำความเข้าใจ Agentic AI แบบง่ายที่สุด 

หากเปรียบเทียบ AI ทั่วไปเหมือนเครื่องคิดเลขที่เราต้องป้อนตัวเลขและคำสั่งเพื่อรอผลลัพธ์ Agentic AI ก็เปรียบเสมือนนักบัญชีส่วนตัว ที่เราแค่บอกเป้าหมายกว้าง ๆ เช่น “ช่วยจัดการเรื่องภาษีประจำปีให้หน่อย” จากนั้น AI จะไปค้นหาข้อมูลที่จำเป็น ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่าน API กรอกแบบฟอร์มและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่มีความเป็นอิสระและทำงานเชิงรุกได้  

 

Agentic AI ทำงานอย่างไร? เบื้องหลังความฉลาดที่ทำงานแทนเราได้

หัวใจสำคัญของ Agentic AI คือความสามารถในการดำเนินการ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้รับมอบหมาย แทนที่จะรอคำสั่งทีละขั้นตอน มันจะนำเป้าหมายหลักมาแตกย่อยเป็นภารกิจเล็ก ๆ สร้างแผนการทำงานและเลือกใช้เครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ เช่น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การเรียกใช้โปรแกรมหรือการเชื่อมต่อกับ Database เพื่อดึงข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจและลงมือทำภารกิจย่อย ๆ เหล่านั้นจนสำเร็จลุล่วง

  

Agentic-AI-ทำงานอย่างไร

 

 

เปิดกระบวนการทำงาน 4 ขั้นตอน 

กระบวนการทำงานของ Agentic AI สามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

  • Perceive (การรับรู้) รวบรวมข้อมูลจากสภาพแวดล้อมดิจิทัล เช่น อีเมล ข้อความ รูปภาพ ข้อมูลจากเว็บไซต์ หรือ API ต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และเป้าหมาย
  • Reason (การคิดและวางแผน) นำข้อมูลที่รวบรวมได้มาวิเคราะห์ ประมวลผล และวางแผนการทำงานเป็นขั้นตอนเพื่อบรรลุเป้าหมายหลัก
  • Act (การลงมือทำ) ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ เช่น ส่งอีเมล จองตั๋วเครื่องบิน เขียนโค้ดหรือสั่งงานระบบอื่น ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่
  • Learn (การเรียนรู้) ประเมินผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเอง และนำข้อผิดพลาดหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับปรุงแผนการทำงานในครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น 

 

เทคโนโลยีที่เป็นรากฐานสำคัญ 

เบื้องหลังความสามารถอันน่าทึ่งนี้ คือการผสมผสานเทคโนโลยีหลายอย่างเข้าด้วยกัน โดยมี Large Language Models (LLMs) เป็นสมองหลักที่ช่วยในเรื่องการเข้าใจภาษา การให้เหตุผลและการสร้างสรรค์ 

นอกจากนี้ยังมีการใช้ Natural Language Processing (NLP) เพื่อให้ AI สามารถสื่อสารและเข้าใจคำสั่งที่เป็นภาษาธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย   

 

 

ตัวอย่างการใช้งาน Agentic AI ในโลกธุรกิจจริง

  • ฝ่ายบริการลูกค้า Agentic AI สามารถรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า จากนั้นจึงสืบค้นข้อมูลจากระบบจัดการเอกสาร หรือระบบ ECM เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งส่งเรื่องต่อไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องและแจ้งความคืบหน้าให้ลูกค้าทราบโดยอัตโนมัติ
  • การตลาดดิจิทัล นักการตลาดสามารถตั้งเป้าหมาย “เพิ่มยอดขายสินค้า A ให้ได้ 15% ในไตรมาสหน้า” จากนั้น AI จะวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ออกแบบแคมเปญโฆษณา ปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย และจัดสรรงบประมาณผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ  ด้วยตัวเอง
  • การจัดการซัพพลายเชน สามารถมอบหมายให้ AI ตรวจสอบสต๊อกสินค้าคงคลัง วิเคราะห์ถึงความต้องการ สั่งซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ และติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบครบวงจร 

 

ประโยชน์ของ Agentic AI ต่อธุรกิจในยุคดิจิทัล 

การนำ Agentic AI มาปรับใช้ในองค์กรจะช่วยขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมีประโยชน์หลัก ๆ ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระงานซ้ำซ้อนและงานธุรการ ทำให้พนักงานมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์มากขึ้น
  • ลดความผิดพลาดของมนุษย์ กระบวนการอัตโนมัติมีความแม่นยำสูงและทำงานตามตรรกะที่กำหนดไว้ ช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของมนุษย์
  • ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ AI สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีวันหยุด ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที
  • ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล Agentic AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อประกอบการตัดสินใจ ทำให้การดำเนินการต่าง ๆ มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น 

 

ความท้าทายและอนาคตของ Agentic AI

แม้ว่า Agentic AI จะมีศักยภาพ แต่ก็ยังมีข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ด้วย เช่น ความปลอดภัยในการให้ AI เข้าถึงระบบต่าง ๆ ขององค์กร ประเด็นด้านจริยธรรมในการตัดสินใจและการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามข้อบังคับอย่าง PDPA ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญสูงสุด

และแน่นนอนว่าในอนาคต เราจะได้เห็น AI ที่ฉลาดและทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น ทั้งนี้ การมีอยู่ของ AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่จะเข้ามาเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีกระดับ  

 

AI-ทำงานร่วมกับคน

 

สรุปบทความ 

Agentic AI คือก้าวต่อไปของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่เปลี่ยนจากผู้ช่วยที่รอรับคำสั่งมาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่มีความสามารถในการคิด วางแผนและลงมือทำได้ด้วยตนเองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการพลิกโฉมการทำงานในโลกธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ แม้จะยังมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คืออนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ซึ่งการเตรียมความพร้อมของข้อมูลและเอกสารในองค์กรให้เป็นระบบระเบียบ คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของเทคโนโลยี AI ดังกล่าวอย่างแน่นอน