
เคยจินตนาการไหมว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แต่งเพลงหรือแม้แต่เขียนบทความที่เรากำลังอ่านอยู่นี้ได้? เพราะวันนี้สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Generative AI ซึ่งกำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจ การศึกษา หรือแม้แต่ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ในบทความนี้ Ditto จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า Generative AI คืออะไร และมันจะเข้ามาเปลี่ยนโลกและธุรกิจของคุณได้อย่างไร
Generative AI คืออะไร
Generative AI คือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ประเภทหนึ่งที่มีความสามารถในการสร้างข้อมูลใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอหรือแม้กระทั่งโค้ดคอมพิวเตอร์ โดย AI ประเภทนี้จะเรียนรู้จาก Big Data เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูล จากนั้นจึงนำสิ่งที่เรียนรู้มาสร้างสรรค์ผลลัพธ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีอยู่มาก่อน แต่ยังคงความสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับต้นฉบับอยู่
Generative AI ต่างจาก AI อย่างไร
หลายคนอาจคุ้นเคยกับ AI แบบดั้งเดิม (Discriminative AI) ที่เน้นการจำแนกหรือวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ การคัดแยกอีเมลสแปมหรือการทำการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาแนวโน้มทางการตลาด AI เหล่านี้จะให้คำตอบจากสิ่งที่เรียนรู้มาแล้วเท่านั้น
แต่ Generative AI คือ AI ที่ก้าวไปอีกขั้น เพราะมันไม่ได้แค่จำแนก แต่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ เช่น หากเราป้อนคำสั่งว่า “วาดภาพแมวในชุดอวกาศ” Generative AI ก็จะสร้างภาพนั้นขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นความสามารถที่ AI แบบดั้งเดิมทำไม่ได้นั่นเอง
ประโยชน์ของ Generative AI ที่เข้ามาเปลี่ยนโลกธุรกิจ
Generative AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในหลาย ๆ ด้าน เช่น
เพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาการทำงาน
Generative AI สามารถทำงานซ้ำ ๆ ที่ต้องใช้เวลานานให้เสร็จสิ้นได้ในพริบตา เช่น การสรุปเอกสารการประชุม การร่างอีเมลตอบกลับลูกค้า หรือแม้แต่การจัดการเอกสารจำนวนมหาศาล ซึ่งช่วยลดภาระงานของพนักงาน ทำให้พวกเขามีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์มากขึ้น ทั้งนี้ Ditto เรายังเชื่ออีกว่าหากสามารถนำ Generative AI มาใช้ร่วมกับระบบจัดการข้อมูลองค์กร (ECM) จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูลในองค์กรได้อย่างครบวงจร ซึ่งไม่เพียงช่วยลดเวลาและความผิดพลาดจากการคีย์ข้อมูลด้วยคน แต่ยังทำให้การค้นหาเอกสารทำได้ง่ายเหมือนการพูดคุยกับผู้ช่วยส่วนตัว ลดภาระงานที่ซ้ำซ้อนและช่วยจัดระเบียบ Workflow Process ให้ทำงานได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น พนักงานก็จะมีเวลาไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ที่สร้างมูลค่าให้กับองค์กรได้มากขึ้น
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
ปัจจุบันหลาย ๆ ธุรกิจก็สามารถนำ Generative AI มาใช้สร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและน่าประทับใจให้กับลูกค้าได้ เช่น การใช้ Chatbot ที่สามารถตอบคำถามและแก้ปัญหาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง หรือการสร้างแคมเปญการตลาดที่ปรับเนื้อหาให้เข้ากับลูกค้าแต่ละรายโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ Generative AI ยังสามารถช่วยออกแบบข้อเสนอ โปรโมชั่น หรือคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้า ทำให้การสื่อสารมีความเป็น Personalized มากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจ ได้รับประสบการณ์ที่สะดวก รวดเร็ว และตรงความต้องการ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความพึงพอใจ แต่ยังสร้างความภักดี (Customer Loyalty) และโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
สร้างนวัตกรรมและไอเดียใหม่ ๆ ให้กับองค์กร
ความสามารถในการสร้างสรรค์ของ Generative AI ช่วยจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ทางการตลาดที่โดดเด่น หรือแม้แต่การจำลองสถานการณ์ทางธุรกิจต่าง ๆ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ช่วยให้องค์กรก้าวนำคู่แข่งและสร้างความได้เปรียบในตลาด
ตัวอย่างการใช้งาน Generative AI จริง
ปัจจุบัน Generative AI ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วในหลากหลายรูปแบบ และนี่คือตัวอย่างที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด เช่น

Chatbot
Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI เช่น ChatGPT หรือ Gemini ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบตอบกลับอัตโนมัติแบบเดิม ๆ แต่สามารถสื่อสารกับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เข้าใจบริบทของการสนทนา และปรับการตอบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลสินค้าและบริการ การเขียนบทความหรือข้อความทางการตลาด การแปลภาษา หรือแม้แต่ช่วยระดมสมองหาแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับทีมงาน ธุรกิจจึงสามารถใช้ Chatbot เพื่อลดภาระงานของทีมบริการลูกค้า พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรและรวดเร็วแก่ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Virtual Assistant
ผู้ช่วยเสมือนอัจฉริยะอย่าง Siri, Alexa หรือ Google Assistant มีความสามารถที่ก้าวไกลกว่าการรับคำสั่งพื้นฐาน ด้วยการนำ Generative AI มาใช้ในการทำความเข้าใจคำพูดที่ซับซ้อน และเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้คำตอบที่ตรงประเด็นและเป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตารางนัดหมาย ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮม ค้นหาข้อมูลหรือแม้แต่แนะนำเส้นทางและการเดินทางแบบเรียลไทม์ สิ่งนี้ทำให้ Virtual Assistant กลายเป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ลดขั้นตอนและทำให้ชีวิตประจำวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสร้างภาพ เสียงและวิดีโอ
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามาปฏิวัติการสร้างสรรค์สื่อ ทำให้สามารถผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงได้จากคำสั่งข้อความ (Prompt) ช่วยลดต้นทุนและเวลาได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น
- Generative AI สำหรับการสร้างภาพ เช่น Midjourney, DALL-E 3, และ Adobe Firefly ที่สามารถสร้างภาพศิลปะอันสวยงามและสมจริง
- Generative AI สำหรับการสร้างเสียง ก็มี ElevenLabs และ Murf.ai ที่สร้างเสียงพากย์และเสียงบรรยายได้เหมือนมนุษย์ และ SOUNDRAW สำหรับการสร้างเพลงประกอบ
- Generative AI สำหรับการสร้างวิดีโอ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ก็มี Runway, Pika, และ Google Veo ที่สามารถสร้างคลิปวิดีโอจากข้อความ รวมถึง Synthesia และ HeyGen ที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างวิดีโอพร้อมผู้บรรยายเสมือนจริง (AI Avatar) อีกด้วย
ช่วยเขียนโค้ด
สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Generative AI อย่าง GitHub Copilot สามารถช่วยเขียนโค้ด แนะนำฟังก์ชัน และตรวจสอบข้อผิดพลาดได้โดยอัตโนมัติ ทำให้การพัฒนาโปรแกรมรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการใช้ Generative AI
แม้ Generative AI จะเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและข้อควรระวังที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ
- ปัญหาเรื่องข้อมูลเท็จ (Misinformation & Deepfake) ความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่สมจริงเกินไป อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อสร้างข่าวปลอมหรือวิดีโอ Deepfake ที่สร้างความเสียหายได้
- ลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา เกิดคำถามว่าใครคือเจ้าของผลงานที่ AI สร้างขึ้น และข้อมูลที่ AI นำมาเรียนรู้มีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องมีกฎหมายรองรับที่ชัดเจนต่อไป
- จริยธรรมและความโปร่งใส การตัดสินใจของ AI อาจมีอคติที่แฝงมาจากข้อมูลที่ใช้สอน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส
Generative AI มีผลต่อการทำงานในอนาคตอย่างไร
การมาถึงของ Generative AI จะทำให้ภูมิทัศน์ของการทำงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บางตำแหน่งงานอาจถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ แต่ในขณะเดียวกันก็จะเกิดอาชีพใหม่ ๆ ที่ต้องทำงานร่วมกับ AI มากขึ้น ทักษะที่จำเป็นในอนาคตคือความสามารถในการใช้เครื่องมือ AI เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนซึ่ง AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์ การปรับตัวและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแรงงานในยุคดิจิทัล ทั้งนี้ การมีรากฐานข้อมูลที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยองค์กรสามารถใช้ระบบ DMS ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการเอกสารดิจิทัลที่รวบรวมองค์ความรู้และไฟล์ต่าง ๆ ของบริษัทมาไว้ในที่เดียวอย่างเป็นระบบ มีการควบคุมและความปลอดภัยที่รัดกุม ทำให้การสืบค้นข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็ว การมีคลังข้อมูลที่ถูกจัดระเบียบไว้อย่างดีนี้เอง จะทำให้องค์กรพร้อมสำหรับการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI เข้ามาต่อยอดและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

สรุปบทความ
Generative AI คือคลื่นลูกใหม่ของเทคโนโลยีที่จะเข้ามาปฏิวัติวิถีชีวิตและการทำงานของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ศักยภาพและประโยชน์ของมันที่มีต่อโลกธุรกิจนั้นมีมหาศาล องค์กรที่สามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างชาญฉลาด จะสามารถสร้างความได้เปรียบ เพิ่มประสิทธิภาพ และปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์
และแน่นอนว่าการจะปรับตัวเพื่อนำเทคโนโลยี AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น การมีรากฐานข้อมูลที่ดีคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ที่ Ditto เราเชี่ยวชาญด้านการวางระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลอัจฉริยะ อย่าง ระบบ DMS และระบบ ECM ในแบบครบวงจร เพื่อเปลี่ยนข้อมูลที่กระจัดกระจายขององค์กรคุณให้เป็นคลังความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย พร้อมสำหรับการต่อยอดและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล หากองค์กรของคุณกำลังมองหาโซลูชันเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ยุค AI ปรึกษาเราได้เลยที่ 0-2517-5555, หรือ Line ID @dittothailand
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Generative AI
Generative AI สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ทั้งหมดจริงหรือไม่?
ไม่จริง แม้ว่า Generative AI จะทำงานบางอย่างได้ดี เช่น งานที่ต้องทำซ้ำๆ การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก หรือการสร้างเนื้อหาเบื้องต้น แต่ยังไม่สามารถแทนที่ทักษะที่ซับซ้อนของมนุษย์ได้ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดังนั้น บทบาทของ AI จึงเป็นการเป็นผู้ช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์มากกว่าที่จะเข้ามาแทนที่ทั้งหมด
ข้อมูลที่ Generative AI สร้างขึ้นเชื่อถือได้ 100% หรือไม่?
ไม่เสมอไป คำตอบหรือข้อมูลที่ Generative AI สร้างขึ้นจะขึ้นอยู่กับคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูลที่มันถูกฝึกฝนมา หากข้อมูลตั้งต้นมีอคติหรือข้อผิดพลาด ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจผิดพลาดตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่สำคัญอีกครั้งเสมอ และใช้ผลลัพธ์จาก AI เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น
ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) สามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI ได้หรือไม่?
ได้แน่นอน ธุรกิจ SMEs สามารถนำ Generative AI เข้ามาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายด้าน เช่น การสร้างคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดีย การเขียนคำโฆษณา การร่างอีเมลโต้ตอบลูกค้า การออกแบบโลโก้หรือภาพประกอบเบื้องต้น หรือแม้แต่การช่วยคิดไอเดียทางธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ