Net Zero คืออะไร ทำไมโลกในปัจจุบัน และองค์กรใหญ่จึงให้ความสำคัญ

  • December 8, 2023

News Description

Net Zero คืออะไร ทำไมโลกในปัจจุบัน และองค์กรใหญ่จึงให้ความสำคัญ

 

คำว่า Net Zero ได้เริ่มเกิดขึ้นมาจากการให้ความสำคัญกับสถานการณ์ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 2-3 องศาเซลเซียสที่ดูเหมือนไม่ได้มีนัยสำคัญ แต่ผลที่ตามมากลับร้ายแรงกว่าที่คาดคิดไว้ เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นเพียงแค่ 2 องศานั้นส่งผลให้ 37% ของประชากรโลกต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก ๆ ห้าปี และยังมีผลกระทบระยะยาวต่อระบบนิเวศของโลกอีกด้วย

 

มีหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโลกของเราเริ่มร้อนขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ คาดการณ์ว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 2.7 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 ซึ่งอุณหภูมิที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยนี้ก็ทำให้เราสามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงได้จากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน น้ำท่วม พายุรุนแรง น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับ Net Zero

 

Net Zero คือ

Net Zero มีที่มาจากข้อตกลงปารีสปี 2015 ที่รัฐบาลทั่วโลกต่างก็ออกมายอมรับว่าจะต้องมีการควบคุมให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส สำคัญคือจะต้องมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน หรือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาที่กำหนด

 

หากยังไม่เข้าใจคำว่า Net Zero ให้คุณลองจินตนาการภาพเหมือนกับอ่างอาบน้ำที่เปิดก๊อกเพื่อเติมน้ำ เมื่อดึงจุกออกให้น้ำไหลออกมา ปริมาณน้ำในอ่างจึงขึ้นอยู่กับทั้งการควบคุมการไหลของน้ำจากก๊อกและน้ำที่ไหลออกจากอ่าง การที่จะรักษาสมดุลของน้ำในอ่างไว้ คือการทำให้แน่ใจว่าปริมาณน้ำเข้าและออกจะต้องสมดุลกัน

 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดให้เป็นศูนย์ในช่วงเวลาที่กำหนดในข้อตกลง เพราะการจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ตามข้อตกลงปารีสนั้น นอกจากจำเป็นที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวงกว้างแล้ว ยังคงต้องคำนึงถึงความถาวรและยั่งยืนอีกด้วย

 

Net Zero คือ

 

Carbon Neutrality VS Net Zero แตกต่างกันอย่างไร

หลายครั้งจะเห็นว่า Carbon Neutrality และ Net Zero มักจะถูกใช้แทนกัน แม้ว่าทั้งสองคำนี้จะสื่อความหมายถึงการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์เหมือนกัน แต่ Net Zero มีมิติที่ใหญ่กว่า เพราะ Net Zero ไม่ได้หมายความถึงแค่การกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเท่านั้น แต่หมายรวมถึงก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่มีการปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลก เช่น มีเทน (CH4) ไนตรัสออกไซด์ (N2O) และไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนอื่น ๆ

 

ส่วนคำว่า “เป็นกลางทางคาร์บอน” หรือ Carbon Neutrality ซึ่งมีความหมายถึงการสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยกับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยสร้างแหล่งกักเก็บคาร์บอน พูดง่าย ๆ คือการกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดออกไปโดยการลดหรือชดเชย ซึ่งป่าไม้ ดิน และมหาสมุทรนี่เองที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนชั้นดีของโลก

 

จะเห็นได้ว่า Carbon Neutrality เป็นการสร้างความสมดุลให้กับปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด ขณะที่ Net Zero คือไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ต้องดักจับหรือชดเชยคาร์บอน ยกตัวอย่างเช่น อาคารสำนักงานที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ซึ่งปราศจากการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิล

 

นอกจากการผลักดัน Carbon Neutrality จะเป็นแนวทางที่จะช่วยให้บรรลุ Net Zero แล้ว ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า Carbon Neutrality ส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว เนื่องจากทำให้ธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนการดำเนินงานตลอดจนช่วยเรื่องการลดหย่อนภาษี

 

อย่างไรก็ตาม หากมองความเป็นไปได้ของ Net Zero ที่มีเป้าหมายให้ทั้งโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ ต้องยอมรับว่าหนทางแห่งความเป็นไปได้นั้นไม่ง่ายนัก การที่จะให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลของแต่ละประเทศตลอดจนภาคเอกชนและครัวเรือน

 

Carbon Neutrality VS Net Zero แตกต่างกันยังไง

 

ต้องทำยังไง การทำ Net Zero ถึงจะประสบความสำเร็จ

ในการที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถือเป็นแนวทางที่สำคัญที่สุดอันดับแรกเลยก็ว่าได้ การรักษาเสถียรภาพของอุณหภูมิโลกจะเกิดขึ้นต่อสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero เท่านั้น ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นประเด็นหลักสำคัญคือจะต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลและภาคธุรกิจต่าง ๆ

 

เป้าหมาย Net Zero ส่งผลให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจำเป็นที่จะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายและเป้าหมายของรัฐ และแน่นอนว่าการที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องมีการปรับตัวเชิงโครงสร้างและเศรษฐกิจ

 

ดังนั้น รัฐบาลก็ต้องหาแนวทางเพื่อให้เอกชนสามารถที่จะปฏิบัติตามนโยบายและแผนได้อย่างยุติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมโยงกับการปล่อยคาร์บอนสูงอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ทั้งนี้ เพื่อให้ต้นทุนและผลประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจแบบ Net Zero ได้กระจายไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมที่สุด

 

อีกสิ่งหนึ่งที่นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจ Net Zero คือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการบรรลุเป้าหมาย เทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานอย่างรวดเร็วและยั่งยืนต่อภาคส่วนที่มีการใช้งานพลังงานอย่างเข้มข้น

 

ต้องทำยังไง การทำ Net Zero ถึงจะประสบความสำเร็จ

 

สรุป

ปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันถูกกระตุ้นจากระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้น รัฐบาลทั่วโลกจึงหันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จนเกิดเป็นความร่วมมือกันในการหาแนวทางการแก้ไข มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ เนื่องจากการกำจัดการปล่อยก๊าซเป็นหนทางเดียวในการยับยั้งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก

 

อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมาย Net Zero จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยภาครัฐจะต้องผลักดันให้ภาคเอกชนเห็นความสำคัญของการปรับเปลี่ยนมาดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึง Carbon Neutrality รวมถึงสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านหลังงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างยั่งยืนและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

 

 

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ระบบระบบจัดการเอกสาร อบต. และ อบจ. เพิ่มเติม

📞 02-517-5555

Line ID: @dittothailand