Supply Chain Management

Supply Chain Management

Management Frameworks

     บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม ตามหลักการกำกับดูแลที่ดี มุ่งเน้นการบริหารคู่ค้าอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล เพื่อส่งเสริมให้คู่ค้าของบริษัทดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนของทางบริษัท โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการผลกระทบการดำเนินงานด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม, สังคม, อาชีวอนามัย และความปลอดภัย ส่งเสริมนโยบายการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันการสนับสนุนการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงตลอดห่วงโซ่อุปทานให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมั่นคงเพื่อสร้างความเติบโตและยั่งยืนไปด้วยกัน 

  • มุ่งมั่นบริหารจัดการคู่ค้าให้มีประสิทธิภาพและสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท
  • Deliver quality products and services to customers on time.
  • ส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) นอกเหนือจากการจัดซื้อจัดจ้างทั่วไป      
  • Operate with transparency, efficiency, and auditability.

จรรยาบรรณคู่ธุรกิจของดิทโต้

     บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องของการปฏิบัติตามบรรษัทภิบาล การเคารพในสิทธิมนุษยชน และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ของคู่ค้า ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวของบริษัท บริษัทจึงได้กำหนดและจัดทำจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ มุ่งหวังที่จะให้คู่ค้าของบริษัท ปฏิบัติตามและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดำเนินธุรกิจร่วมกันด้วยความโปร่งใส มีจริยธรรม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี

จรรรยาบรรคู่ธุรกิจ Ditto
(Supplier Code of Conduct)

คู่ค้ารายสำคัญรับทราบจรรยาบรรณ คู่ธุรกิจ Ditto
ร้อยละ 100

Key Partner Analysis

ในปี 2567 นี้ ทางบริษัทได้มีการจัดลำดับกลุ่มคู่ค้าที่มีความสำคัญต่อบริษัท โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณา เป็น 2 ประเภทดังนี้

Critical Tier 1 Supplier

ㆍเป็นคู่ค้าที่จำหน่ายสินค้าและบริการสำคัญให้กับกระบวนการ

ทางธุรกิจของบริษัทฯ (Critical Component Suppliers)

ㆍเป็นคู่ค้ารายเดียวไม่สามารถทดแทนได้

(Non-Substitutable Supplier)

ㆍเป็นคู่ค้าที่มียอดสัญญาชื่อขายในปี 2567 สูง 80% แรก

(High-Volume Suppliers)

Critical Non-Tier 1 Supplier

หมายถึง คู่ค้ารายสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจบริษัทโดยตรง

โดยใช้เกณฑ์พิจารณาเดียวกันกับ Critical Tier1 Supplier

ผลการดำเนินงานที่สำคัญปี 2567

ในปี 2567 จากจำนวนคู่ค้าทั้งหมด จำนวน 367 ราย

ยอดสั่งซื้อรวมทั้งสิ้น 1,018,948,113.82 บาท

เมื่อพิจารณาจากหลักเกณฑ์สามารถจำแนกกลุ่มคู่ค้าได้ด้งนี้

ㆍคู่ค้ารายสำคัญ (Critical Tier 1 Supplier)

จำนวน 26 ราย คิดเป็นจำนวนร้อยละ 7.08 ของคู่ค้าทั้งหมด

โดยมีมูลค่าการสั่งซื้อร้อยละ 80.85 ของจำนวนเงินจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด

ของปี 2567


ㆍคู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง (Critical Non-Tier 1 Supplier)

จำนวน 6 ราย

การประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนและการดำเนินการของคู่ค้า

     ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้า โดยมุ่งเน้นที่คู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัท (critical tier-1 suppliers) เป็นลำดับแรก และคู่ค้ารายใหม่ที่มีมูลค่าจัดซื้อจัดจ้างหนึ่งล้านบาทขึ้นไป ด้วยวิธีการตอบแบบประเมินตนเองของคู่ค้า (ESG Self-Assessment Questionnaire) ที่ประกอบด้วยคำถามในประเด็นด้านการดำเนินธุรกิจ การกำกับดูแลกิจการ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งในปี 2567 บริษัทได้ทำการประเมินคู่ค้ารวม 44 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนคู่ค้าทั้งหมดของบริษัท ในจำนวนนี้ประกอบด้วยคู่ค้าสำคัญ 26 รายและคู่ค้าที่มีมูลค่าจัดซื้อจัดจ้างหนึ่งล้านบาทขึ้นไป 18 ราย ซึ่งคู่ค้าทั้ง 44 ราย (ร้อยละ 100) ได้ทำการประเมินความเสี่ยงด้วยแบบประเมินดังกล่าว บริษัทได้จัดระดับความเสี่ยงของคู่ค้าโดยพิจารณาจากคะแนนที่ได้จากการประเมิน และดำเนินการกับคู่ค้าแต่ละรายตามมาตรการในแต่ละระดับความเสี่ยงที่ได้กำหนดไว้ตามแนวปฏิบัติ

คู่ค้าสำคัญที่ได้รับการประเมินความเสี่ยง
ร้อยละ 100
ผลประเมินความเสี่ยงด้านบรรษัทภิบาล เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของคู่ค้าโดยภาพรวม

ESG Self-Assessment ผลการประเมินความเสี่ยงโดยภาพรวมปี 2567

     ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Risk Assessment) ของคู่ค้าทางธุรกิจ โดยใช้เกณฑ์การประเมินที่ครอบคลุมทุกมิติที่เกี่ยวข้อง ผลการประเมิน สามารถจำแนกสัดส่วนคู่ค้าที่มีความเสี่ยงในด้านบรรษัทภิบาล ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ดังนี้

สัดส่วนคู่ค้าที่มีความเสี่ยงในด้านบรรษัทภิบาล และเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม

     จากผลการประเมินพบว่าคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงมีทั้งหมด 3 รายโดยมีความเสี่ยงทางด้านบรรษัทภิบาลและสิ่งแวดล้อม โดยความเสี่ยงด้านบรรษัทภิบาลสาเหตุมาจากการขาดนโยบายที่เพียงพอในการกำกับดูแลกิจการ ไม่มีระบบบริหารจัดการความเสี่ยงที่เป็นระบบและมีประสิทธิผลเพียงพอ และขาดช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน ในส่วนของความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่คู่ค้าขาดข้อกำหนดด้านการปฏิบัติและการจัดการสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการมีส่วนร่วมกับชุมชนในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ไม่พบคู่ค้าใดที่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและสังคม

     บริษัทได้ดำเนินการติดตามและบริหารความเสี่ยงกับคู่ค้าที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งพบว่าโดยส่วนใหญ่ยังไม่มีนโยบายหรือแนวทางการจัดการที่ชัดเจน บริษัทจึงได้ให้คำแนะนำ รวมถึงนำส่งแนวทางการจัดทำนโยบายและวิธีการดำเนินงานเพื่อให้คู่ค้านำไปปรับใช้ 

     ในส่วนของการตรวจสอบ ณ สถานประกอบการ (on-site audit) นั้น บริษัทยังไม่ได้ดำเนินการในปี 2567 เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดตั้งเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินงานดังกล่าวไว้ในปี 2568 เพื่อให้การประเมินและติดตามผลดำเนินงานด้าน ESG ของคู่ค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

การคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ (New Approved Vendor)

     ตามนโยบายของบริษัทและแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการคู่ค้ารายใหม่ที่ยั่งยืน เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และการลดความเสี่ยงในระยะยาว คู่ค้ารายใหม่ทุกบริษัทต้องผ่านกระบวนการประเมินคู่ค้าและรับทราบจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า โดยการขึ้นทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ นอกจากจะทำการกรอกแบบฟอร์มมาตรฐานขึ้นทะเบียนคู่ค้าของบริษัทแล้ว ทางบริษัทได้ทำการส่งแบบประเมินตนเองด้าน ESG (Self-Assessment Questionnaire) ให้กับคู่ค้ารายใหม่ที่มีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างหนึ่งล้านบาทขึ้นไป เพื่อทำการประเมินความเสี่ยงทุกราย รวมถึงรับทราบจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าจะดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และมีจริยธรรม 

     บริษัทกำหนดให้คู่ค้าใหม่ที่มีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างหนึ่งล้านบาทขึ้นไปต้องได้รับการประเมิน ESG (Self-Assessment Questionnaire) ในปี 2567 มีจำนวนคู่ค้าใหม่รวม 33 ราย ซึ่งทั้งหมด (ร้อยละ100) ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้วยแบบประเมินตนเอง ในจำนวนนี้เป็นคู่ค้ารายสำคัญจำนวน 15 ราย

คู่ค้าใหม่ที่ได้รับการประเมินความเสี่ยง
ร้อยละ 100

Promoting Membership in Anti-Corruption Alliances

     บริษัทได้แสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมเป็น “แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย” (Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption : CAC) ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล มีการกำกับดูแลกิจการให้มีการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและยึดหลักคุณธรรม รวมทั้งให้ความสำคัญอย่างที่สุดกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน บริษัทส่งหนังสือเชิญให้คู่ค้าจำนวน 44 ราย ซึ่งประกอบไปด้วยคู่ค้ารายสำคัญและคู่ค้ารายใหม่ที่มียอดสั่งซื้อมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านบาท เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) พร้อมทั้งเผยแพร่จรรยาบรรณธุรกิจ และแนวปฏิบัติในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งคู่ค้ารายสำคัญได้ตอบรับทั้งหมด (ร้อยละ 100) ขณะนี้ทางบริษัทได้มีการดำเนินงานในส่วนของการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อขอรับการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

คู่ค้ารายสำคัญที่มีการตอบรับแสดงเจตนารมณ์
ต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น
ร้อยละ 100

ผลการตรวจประเมินคู่ค้า ณ สถานที่ปฏิบัติงาน (On-site ESG Audit) ในรอบปี

     บริษัทได้มีการจัดทำเกณฑ์การตรวจประเมินคู่ค้าในสถานที่ปฏิบัติงาน ตามแนวปฏิบัติการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งในปี 2567 เป็นปีแรกในการจัดทำเกณฑ์การตรวจประเมิน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาแนวปฏิบัติและหลักเกณฑ์การตรวจประเมินคู่ค้าในสถานที่ปฏิบัติงาน ดังนั้นในปี 2567 จึงยังมิได้มีการประเมินคู่ค้าในสถานที่ปฏิบัติงาน แต่มีการติดตามคู่ค้าหลังจากมีการนำส่งแนวทางการจัดทำนโยบายและวิธีการดำเนินงานเพื่อให้คู่ค้านำไปปรับใช้

เกณฑ์การตรวจประเมินคู่ค้า ณ สถานที่ปฏิบัติงาน

ความมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า

     บริษัทได้จัดการอบรมและ Workshop โดยเรียนเชิญคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจได้แก่ บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมการอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งได้เรียนเชิญผู้เชี่ยวชาญภายนอกมาให้ความรู้ เพื่อให้พนักงานในบริษัท ผู้บริหาร คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจมีความรู้ ความเข้าใจ และ แนวทางในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ให้คู่ค้ารู้สึกถึงการสนับสนุนและเป็นพันธมิตรที่บริษัทให้ความสำคัญ มิแค่เป็นผู้ขายสินค้า/บริการ ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนา มีเป้าหมายไปในทางเดียวกันและเติบโตไปพร้อมกันในระยะยาวอีกด้วย

วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 สัมมนาเชิงปฏิบัติการ เกณฑ์การประเมินผลและตัวชี้วัดด้านการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น (ถนนศรีนครินทร์) การสัมมนาครั้งนี้ทำให้เข้าใจแนวคิดและหลักการของการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร การประเมินผล ESG (Environment, Social, Governance) และการประยุกต์ใช้ในธุรกิจ สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว จากมุมมองความยั่งยืน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 การอบรมหัวข้อ Corporate Strategy Primer ณ โรงแรม Lancaster Bangkok ทีมบริหารของบริษัท และคู่ค้าพันธมิตรทางธุรกิจเข้าใจความหมาย บทบาท และความสำคัญของกลยุทธ์องค์กร ต่อความสำเร็จของธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับแนวโน้มด้าน Digital Disruption, ESG, Sustainability มุ่งไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

   จากการสัมมนาทั้งสองหัวข้อหลักในปี 2567 ทำให้บริษัท และคู่ค้าพันธมิตรทางธุรกิจได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างองค์กรร่วมกัน โดยกำหนดเป้าหมาย ESG และแนวทางลดคาร์บอนร่วมกัน ซึ่งผลลัพธ์สำคัญจากความร่วมมือนี้ คือการพัฒนา “แผนธุรกิจด้านคาร์บอนเครดิต” และการต่อยอดสู่การดำเนินธุรกิจร่วมกันในรูปแบบ Green Business โดยเกิดการผนึกกำลังระหว่างบริษัทที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม กับบริษัทที่มีทรัพยากร เช่น พื้นที่ป่าไม้หรือศักยภาพในการพัฒนาแหล่งกักเก็บคาร์บอน เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการที่สามารถสร้างและจำหน่ายคาร์บอนเครดิตภายใต้แนวทางที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน T-VER  ความร่วมมือดังกล่าวยังนำไปสู่การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว ที่มุ่งเน้นการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายร่วมในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย

Trade Credit Policy and Terms

     บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีการปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ทุกรายด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และโปร่งใส โดยยึดมั่นในการปฎิบัติตามเงื่อนไขและสัญญาอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความเชื่อมั้นต่อเจ้าหนี้ของบริษัท ทั้งนี้ได้กำหนดระยะเวลาชำระเงินให้แก่คู่ค้าอย่างเป็นธรรม บริษัทให้ความสำคัญต่อสภาพคล่องและการบริหารจัดการวงจรเงินสดเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยบริษัทมีนโยบายเพื่อกำหนดระยะเวลา Credit Term ภายใน 7-60 วัน ข้อมูลระยะเวลาการให้ Credit Term ของ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตามงบการเงินมีรายละเอียดดังนี้

     จากตารางสรุปข้างต้น Credit Term 30วัน มีระยะเวลาชำระที่เกินกำหนด 11 วัน เนื่องจากทางคู่ค้ามีการวางบิลที่เกินระยะเวลาที่ไม่เป็นไปตามกำหนด ซึ่งบริษัทมีกำหนดระยะเวลาวางบิล นัดรับเช็คและโอนเงิน ประจำปี 2567 โดยประกาศให้ทราบ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ทำให้ระยะเวลาที่ได้รับชำระเงินเกินกว่าที่กำหนดไว้

Supply Chain Management Policies and Implementation
ฉบับวันที่ 14/5/2025
Download