
ในยุคที่ข้อมูลมีค่าดั่งทองคำ (Data-Driven Era) องค์กรต่าง ๆ เร่งเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ในขณะเดียวกัน กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง PDPA ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้สองคำที่มักได้ยินบ่อย ๆ อย่าง Data Security และ Data Privacy กลายเป็นหัวข้อที่ทุกองค์กรต้องทำความเข้าใจ แม้จะฟังดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองคำนี้มีความหมายและขอบเขตที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้นในบทความนี้ Ditto จะขออาสาพาคุณไปทำความรู้จักกันว่า มันคืออะไร และช่วยองค์กรได้อย่างไรบ้างกัน
Data Security คืออะไร
Data security คือมาตรการเชิงป้องกัน เพื่อปกป้องข้อมูลจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต การรั่วไหล การเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือการถูกทำลาย ไม่ว่าจะเกิดจากภัยคุกคามภายนอก เช่น แฮกเกอร์ มัลแวร์ หรือภัยคุกคามภายใน หรือพูดให้ง่ายขึ้นคือวิธีการและเครื่องมือที่เราใช้สร้างเกราะป้องกันข้อมูล เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) การใช้ Firewall การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ การสำรองข้อมูล (Backup) และการใช้ระบบ Antivirus
Data Privacy คืออะไร
Data privacy คือความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยจะมุ่งเน้นไปที่สิทธิของเจ้าของข้อมูล ในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ว่าจะอนุญาตให้ใครเก็บ ใช้อย่างไร เปิดเผยให้ใครได้บ้างและนานแค่ไหน โดยองค์กรต้องปฏิบัติตามในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามกฎหมายและตามความยินยอม (Consent) ที่ได้รับจากเจ้าของข้อมูล และจัดเป็นการเคารพสิทธิ์ว่าข้อมูลนี้ควรถูกใครใช้งาน และระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนว่าจะนำข้อมูลไปใช้ทำอะไร
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Data Security และ Data Privacy
- Data Security คือระบบป้องกันบ้าน เช่น การมีกำแพงรั้ว ประตูล็อก กล้องวงจรปิด หรือสัญญาณกันขโมย เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามาขโมยหรือทำลายทรัพย์สินภายในบ้าน หมายถึงการปกป้องข้อมูลไม่ให้ถูกเข้าถึง ดัดแปลง หรือรั่วไหลจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ส่วน Data Privacy คือกฎระเบียบภายในบ้านที่กำหนดว่า แม้แต่คนที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา เช่น แขกหรือแม่บ้าน จะสามารถเข้าไปในห้องใดได้บ้าง และทำอะไรได้บ้าง เช่น ทำความสะอาดได้ แต่ห้ามเปิดตู้เสื้อผ้าหรือค้นของส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ซึ่งหมายถึงการควบคุมว่าใครสามารถใช้ข้อมูลอะไรได้บ้าง และเพื่อวัตถุประสงค์ใด
ดังนั้น องค์กรอาจมีระบบ Data Security ที่แข็งแกร่งมาก แต่หากไม่มี Data Privacy ที่ดี ข้อมูลลูกค้าที่เก็บไว้อย่างปลอดภัยก็อาจถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม เช่น ขายต่อโดยไม่ขอความยินยอม ในทางกลับกัน หากมีนโยบาย Privacy ที่รัดกุมแต่ไม่มีระบบ Security ที่น่าเชื่อถือรองรับ ข้อมูลก็ยังเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือถูกขโมยอยู่ดี
ทำไม Data Privacy และ Data Security ถึงสำคัญต่อองค์กรยุคดิจิทัล
การบริหารจัดการทั้งสองด้านนี้ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็น สำหรับทุกองค์กรในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้

เพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้า
เมื่อลูกค้ามั่นใจว่าองค์กรมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพวกเขาอย่างรัดกุม (Security) และเคารพสิทธิ์ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ไม่นำข้อมูลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ พวกเขาก็พร้อมที่จะมอบข้อมูลและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ความไว้วางใจ (Trust) คือสกุลเงินที่สำคัญที่สุดในยุคดิจิทัล
ป้องกันความเสียหายจากการรั่วไหลของข้อมูล
การรั่วไหลของข้อมูลเพียงครั้งเดียว อาจสร้างความเสียหายมหาศาล ทั้งในแง่รายได้ ความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงของแบรนด์ การมี Data Security ที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูลภายในองค์กร เช่น การใช้ระบบ DMS (Document Management System) หรือ ECM (Enterprise Content Management) ที่ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดสิทธิ์ได้อย่างละเอียดว่าพนักงานคนไหนสามารถเข้าถึง แก้ไข หรือส่งต่อเอกสารสำคัญได้บ้าง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญจะไม่รั่วไหลออกไปโดยง่าย
ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและค่าปรับ
กฎหมายอย่าง PDPA ในไทย หรือ GDPR ในยุโรป มีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับองค์กรที่ไม่สามารถปกป้องข้อมูลหรือนำข้อมูลไปใช้ผิดประเภท การลงทุนใน Security และ Privacy ที่ถูกต้อง จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการต้องจ่ายค่าปรับมหาศาลในภายหลัง
ส่งเสริมการตลาดแบบ Personalization อย่างถูกต้อง
การตลาดแบบรู้ใจ (Personalization) เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้งขึ้น ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เช่น พฤติกรรมการซื้อ ความสนใจ หรือรูปแบบการใช้งานสินค้า เพื่อสื่อสารและนำเสนอสิ่งที่ตรงใจมากที่สุด แต่การนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ต้องอยู่บนพื้นฐานของ Data Privacy โดยองค์กรต้องขอความยินยอมจากลูกค้าอย่างชัดเจนก่อนเก็บและนำข้อมูลไปวิเคราะห์ และเมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ต้องใช้มาตรการ Data Security ที่รัดกุมในการจัดเก็บและป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล
ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดดิจิทัล
ในปัจจุบัน ลูกค้าและคู่ค้าต่างตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูล องค์กรที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องข้อมูลอย่างจริงจัง ย่อมมีความน่าดึงดูดและได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ละเลยในเรื่องนี้
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Data Privacy และ Data Security ในธุรกิจจริง
การทำความเข้าใจแนวคิดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ องค์กรควรรู้วิธีนำ Data Privacy และ Data Security ไปใช้จริงในกระบวนการทำงาน เพื่อให้การจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ตัวอย่างเช่น
- ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ใช้ Data Privacy เพื่อขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ หรือหมายเลขโทรศัพท์ พร้อมระบุวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันใช้ Data Security ในการเข้ารหัสข้อมูลลูกค้าและป้องกันการเข้าถึงฐานข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ธุรกิจธนาคารและการเงิน (Banking & Fintech) ต้องมีระบบ Data Security ที่รัดกุม เช่น การยืนยันตัวตนหลายชั้น (Multi-Factor Authentication) และระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ ส่วนด้าน Data Privacy ต้องกำหนดนโยบายการใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงหรือเสนอบริการใหม่ ๆ โดยไม่ละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล
- ธุรกิจโรงพยาบาลและสุขภาพ (Healthcare) ให้ความสำคัญกับ Data Privacy เป็นพิเศษ เพราะข้อมูลสุขภาพเป็นข้อมูลอ่อนไหว ต้องได้รับความยินยอมก่อนการเก็บและนำไปใช้เพื่อการรักษาหรือวิจัย และต้องเสริมด้วยระบบ Data Security ที่เข้มงวด เช่น การเข้ารหัสไฟล์และจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
- ธุรกิจการตลาดและโฆษณา (Marketing & Advertising) ใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมผ่าน Data Analytics แต่ต้องทำภายใต้กรอบของ Data Privacy เช่น การขอ Opt-in (การให้ลูกค้ายินยอมก่อนนำข้อมูลไปใช้) ในการทำโฆษณาแบบ Personalization และใช้ Data Security เพื่อเก็บรักษาฐานข้อมูลลูกค้าไม่ให้รั่วไหลหรือถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
Ditto ยกระดับ Data Security และ Privacy ให้องค์กรของคุณได้
การเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) โดยเฉพาะการจัดการเอกสารจำนวนมหาศาล ถือเป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่ข้อมูลอาจรั่วไหลได้ Ditto เข้าใจความท้าทายนี้ เราจึงได้พัฒนาระบบจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และระบบ DMS ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสแกนและจัดเก็บเอกสาร แต่เป็นโซลูชันที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึง Data Security เป็นหัวใจสำคัญ ระบบของเราช่วยให้องค์กรสามารถ
- ควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control) กำหนดได้อย่างละเอียดว่าใครเห็นเอกสารอะไรได้บ้าง
- ตรวจสอบย้อนกลับ (Audit Trail) บันทึกทุกกิจกรรมว่าใครเข้ามาทำอะไรกับเอกสารบ้าง
- เข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ปกป้องเอกสารสำคัญระหว่างการจัดเก็บและส่งต่อ
- กำหนดนโยบายการทำลายเอกสาร (Retention Policy) ช่วยบริหารจัดการข้อมูลให้สอดคล้องกับข้อกำหนด PDPA
ด้วยแนวทางการจัดการข้อมูลที่ครอบคลุมทั้ง Data Security และ Data Privacy โซลูชันของ Ditto จึงไม่เพียงช่วยให้องค์กรจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเป็นระบบเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูล พร้อมเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาครัฐ ธนาคาร โรงพยาบาล หรือธุรกิจเอกชน การเลือกใช้ระบบบริหารจัดการเอกสารของ Ditto คือก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคง ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐาน PDPA อย่างสมบูรณ์

สรุปบทความ
Data Security และ Data Privacy แม้จะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ องค์กรในยุค PDPA จำเป็นต้องมีทั้งเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง (Security) และกฎกติกาที่ชัดเจนในการใช้ข้อมูล (Privacy) เพื่อสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า ปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน
สำหรับองค์กรใดที่กำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยยกระดับการจัดการข้อมูลให้ปลอดภัยและเป็นระบบ Ditto (Thailand) พร้อมเป็นผู้ช่วย ด้วยระบบจัดการเอกสารและข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 02-517-5555 หรือ Line @dittothailand
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Data Privacy กับ Data Security อันไหนสำคัญกว่ากัน?
สำคัญเท่ากันและต้องทำควบคู่กัน เพราะ Data Security คือการป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหลหรือถูกขโมย ในขณะที่ Data Privacy คือกฎการใช้ข้อมูลนั้นอย่างถูกต้องตามสิทธิ์และกฎหมาย PDPA ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้เลย
องค์กรควรเริ่มต้นจัดการ Data Privacy และ Data Security อย่างไร?
เริ่มต้นด้วยการสำรวจข้อมูล (Data Assessment) ต้องรู้ว่าองค์กรเก็บข้อมูลอะไร ที่ไหน ใครเข้าถึงได้บ้าง จากนั้นจึงกำหนดนโยบาย (Policy) และการนำระบบเข้ามาช่วยจัดการการจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึง (Access Control) เช่น การใช้ ระบบ DMS ในการควบคุมเอกสาร และสุดท้ายคืออบรมพนักงานให้ตระหนักรู้ ื
องค์กรขนาดเล็ก จำเป็นต้องทำ Data Security และ Privacy หรือไม่?
จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะกฎหมาย PDPA บังคับใช้กับทุกขนาดธุรกิจ ตราบใดที่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะความเสี่ยงเรื่องค่าปรับและความเสียหายต่อชื่อเสียงนั้นส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจขนาดเล็กได้ไม่แพ้ธุรกิจขนาดใหญ่